"ตำนานพับนกที่โลกร่ำไห้…ซาดาโกะ…กระเรียนพันตัว"
“ นกกระดาษนั่นจะทำให้ฉันหายป่วยได้ ยังไง ”
“ เธอจำตำนานเก่าแก่เกี่ยวกับเรื่องนกกระเรียนไม่ได้หรือว่าเขาเชื่อกันว่า .. นกกระเรียนนั้นมีอายุถึงพันปี ถ้าหากว่าคนที่ป่วยสามารถพับนกกระเรียนได้ถึงพันตัว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำให้คนนั้นกลับมามีสุขภาพแข็งแรงอีกครั้งหนึ่ง ”
ชิชูโกะยื่นนกกระเรียนให้ซาดาโกะแล้วบอกว่า
“ นี้คือนกกระเรียนตัวแรกของเธอ ”
เด็กน้อยซาบซึ้งใจกับความปรารถนาดีของเพื่อน หลังจากนั้นซาดาโกะก็เริ่มต้นพับนกกระเรียนของเธอ พร้อม ๆ กับอธิษฐานว่า “ ขอให้ฉันหายป่วย ” แต่ซาดาโกะ ไม่หายจากอาการป่วยและไม่สามารถพับนกกระเรียนกระดาษได้ครบหนึ่งพันตัวนั่น คือ เรื่องราวของซาดาโกะกับนกกระเรียนพันตัวซึ่งเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อ กว่า 40 ปีที่แล้ว แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงไร เรื่องของเด็กผู้หญิงคนนี้กับสิ่งที่เธอทำก็ยังไม่เคยเลือนหายจากความทรงจำ ของผู้คนทั่วโลก
ซาซากิ ซาดาโกะ เกิดเมื่อวันที่ 7 มกราคม คศ. 1943 เป็นลูกคนที่สอง และเป็นลูกสาวคนโตของครอบครัวช่างตัดผม ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พ่อของเธอถูกเกณฑ์ไปทำงานที่โรงพยาบาลทหาร ที่บ้านจึงเหลือเพียงยาย แม่ พี่ชาย และซาดาโกะเพียง 4 คน
บ้านของเธอซึ่งอยู่ห่างจากจุดระเบิดเป็นระยะทาง 1.7 กิโลเมตร พังพินาศ ทุกคนในบ้านถูกลมจากแรงระเบิดพัดกระเด็นไปไกล แต่โชคดีที่เธอไม่ได้รับบาดเจ็บหรือบาดแผลไฟลวก แต่ระหว่างที่เธออพยพหนีออกนอกเมือง เธอถูกฝนกัมมันตรังสีตกใส่
เธอเติบโตเป็นเด็กแข็งแรง มีทักษะด้านกีฬาและร้องเพลง
ในเดือนสิงหาคม คศ.1954 ขณะที่อยู่ชั้นประถมปีที่ 6 เธอเข้ารับการตรวจสุขภาพ แต่ไม่พบความผิดปกติใดๆ
แต่หลังจากนั้นอีก 3 เดือน เธอป่วยเป็นหวัด เกิดก้อนเนื้อบวมที่ด้านหลังลำคอและกกหู ในเดือนมกราคม คศ.1955 อาการบวมมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าก็บวมคล้ายกับโรคคางทูม
ในเดือนกุมภาพันธ์ เธอเข้ารับการตรวจจากศูนย์วิจัยขององค์กรคณะกรรมาธิการผู้ประสบภัยจากระเบิด ปรมาณู ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยอเมริกา ที่เมืองฮิโรชิมา หลังจากการทิ้งระเบิดปรมาณูไปได้ประมาณ 1 ปีเศษ
ผลการวิจัย พบว่าเธอป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวจะมีอายุอีกได้ไม่เกิน 1 ปี
เธอจึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกาชาด ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ คศ.1955 ผู้ป่วยที่อยู่ร่วมห้องเดียวกับเธอชื่อ โอคุระ คิโยะ ซึ่งขณะนั้นมีอายุ 14 ปี
ในเดือนพฤษภาคม อาการของซาดาโกะเริ่มเข้าสู่ขั้นทรงตัว เธอจึงได้รับอนุญาตให้กลับไปเยี่ยมบ้านทุกวันสุดสัปดาห์ เพื่อให้เธอใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิตกับครอบครัวอย่างมีความสุข ซึ่งเธอไม่ได้รับแจ้งเกี่ยวกับอาการป่วยของตนเอง
ในเดือนสิงหาคมนี้ นักเรียนมัธยมปลายในเมืองนาโงยา ได้พับนกกระเรียน และส่งมาให้กำลังใจแก่ผู้ป่วย ที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลกาชาด ในเมืองฮิโรชิมา
นกกระเรียนเหล่านี้มีสีสรรสวยสดงดงาม ทำให้บรรยากาศในห้องผู้ป่วยแจ่มใสขึ้น และช่วยทำให้ผู้ป่วยที่ลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้ มีอารมณ์แช่มชื่นขึ้น การพับนกกระเรียน จึงกลายมาเป็นที่นิยมของคนไข้ในโรงพยาบาลนี้
ซาดาโกะเอง ก็เกิดความเชื่อมั่นว่า หากเธอพับนกกระเรียนได้พันตัว ก็จะหายป่วยจากโรคร้าย เธอจึงเริ่มพับนกกระเรียนขึ้น พร้อมๆกับคิโยะ ที่อยู่ในห้องเดียวกัน ซาดาโกะและคิโยะ ต่างก็พับนกกระเรียนครบ 1,000 ตัว ภายในเดือนสิงหาคมนั้น และคิโยะก็ได้ออกจากโรงพยาบาลในปลายเดือนสิงหาคม
คิโยะถึงแก่กรรมลงด้วยโรคมะเร็ง เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน คศ. 2008 ด้วยวัย 67 ปี หลังจากที่คิโยะออกจากโรงพยาบาล ซาดาโกะยังคงพับนกระเรียนต่อไป
กระดาษสำหรับใช้พับกระดาษเป็นของที่มีราคาแพง ดังนั้น นอกจากกระดาษห่อยาของตนเองแล้ว ซาดาโกะจึงไปขอกระดาษห่อยา และกระดาษห่อของในห้องผู้ป่วยคนอื่นๆ มาตัดเป็นแผ่นเล็กๆ เพื่อใช้พับนกกระเรียนอีกด้วย
นกกระเรียนของซาดาโกะ มีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ จนถึงขนาดเมล็ดข้าว คือเพียงไม่กี่มิลลิเมตร ต้องใช้เข็มเพื่อช่วยสร้างรอยพับบนกระดาษเท่านั้น
ซาดาโกะพับนกกระเรียนมากกว่า 1,300 ตัว (ข้อมูลจากพิพิธภัณฑ์สันติภาพฮิโรชิมา) หรือมากกว่า 1,500 ตัว (ข้อมูลจาก Hiroshima Starship, Hiroshima International Youth House) หรือมากกว่า 2,000 ตัว (ข้อมูลจาก ซาซากิ ยูจิ นักร้องและนักแต่งเพลง ผู้เป็นหลานของซาดาโกะ) แต่จำนวนที่แท้จริงจะมีทั้งสิ้นเท่าใด ครอบครัวของเธอไม่ได้นับไว้โดยละเอียด
ในภายหลัง มีการแต่งเรื่องเพิ่มเติมว่า ซาดาโกะเสียชีวิตลง ก่อนที่เธอพับนกกระเรียนได้ครบ 1,000 ตัว เพื่อนในชั้นเรียนของเธอจึงได้ช่วยกันพับต่อจนครบ จึงทำให้มีความเข้าใจสับสนเกี่ยวกับจำนวนตัวเลขเป็นอย่างมาก ปลายเดือนตุลาคม เท้าข้างซ้ายของซาดาโกะบวมเป่งขนาด 1.5 เท่าของขนาดปกติ และกลายเป็นสีม่วงอมแดง ทำให้เธอเจ็บปวดจนนอนไม่หลับ
เช้าวันที่ 25 ตุลาคม ครอบครัวของซาดาโกะสังเกตุเห็นว่าอาการของเธอทรุดหนักมาก ทุกคนจึงพากันไปที่โรงพยาบาล พ่อของซาดาโกะพยายามกระตุ้นให้เธอทานอาหาร ซึ่งเธอก็ตอบว่าอยากทานข้าวราดน้ำชา พ่อของเธอจึงรีบไปซื้อข้าวสวยจากโรงอาหารมาทำข้าวราดน้ำชา และป้อนให้เธอทาน 1 คำ
เธอกล่าวว่า "อร่อย" และทานคำที่สอง พร้อมกับหลับตาลง และจบชีวิตลงท่ามกลางการเฝ้าดูแลของครอบครัว
ซาดาโกะจบชีวิตลงในวันที่ 25 ตุลาคม คศ.1955 ด้วยวัย 12 ปี 9 เดือน ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ห้องต้นไผ่ของเธอ วิ่งชนะเลิศในงานกีฬาสีเมื่อปีที่แล้ว
ในงานศพของซาดาโกะ ครอบครัวของเธอได้มอบนกกระเรียนที่ซาดาโกะพับขึ้น ให้กับแขกที่มาร่วมงาน คนละ 2-3 ตัว เพื่อขอให้ใส่นกกระเรียนเหล่านั้น ลงในโลงศพของซาดาโกะ ส่วนนกกระเรียนที่เหลือ ก็มอบให้กับแขก เป็นของที่ระลึกในงานศพของซาดาโกะ
หลังจากที่ซาดาโกะเสียชีวิตลง เพื่อนๆของเธอ ภายใต้คำแนะนำจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้ตัดสินใจที่จะร่วมกันสร้างรูปปั้นที่ระลึกให้กับซาดาโกะ และเด็กๆที่ต้องเสียชีวิตจากระเบิดปรมาณู เพื่อเป็นการปลอบประโลมดวงวิญญาณให้กับเด็กๆเหล่านั้น
การรณรงค์ขอรับเงินบริจาคแพร่สะพัดไปทั่วทุกโรงเรียนในเมืองฮิโรชิมา และขยายสู่เมืองต่างๆทั่วประเทศ มีโรงเรียนที่ส่งจดหมายและเงินบริจาค เพื่อร่วมสร้างรูปปั้นอนุสรณ์นี้ มากกว่า 3,000 โรงเรียน
ที่มา : http://www.j-campus.com/article/view.php?id=1025
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น