ประสบการณ์ตรงจากแอดมิน วันนี้ขอเสนอเรื่อง คุณคือใคร



กริ๊งๆๆ เช้าวันหนึ่งได้มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เสียงจากปลายสายนั้นคือลูกค้าคนหนึ่งซึ่งได้ สนใจสินค้าที่ผมได้สงประกาศขายให้เว็ป ขายของมือสองแห่งนึง “สวัสดีครับ คุณได้ส่งประกาศขายของชิ้นนี้ใช่ไหม ผมสนใจสินค้าของคุณ สะดวกมาส่งที่ห้าง(ห้างดังแห่งนึงละกัน) ได้ไหมครับ” ส่วนตัวเราในใจนั้นคิดว่า ได้อยู่แล้ว อิอิ นานๆจะได้จับของมาย้อมแมวขายในราคาแพงๆซะที หุหุ “สะดวกเป็นกี่โมงดีครับ ช่วงบ่ายแก่ใช่ไหมครับ OK ตามนั้นครับ” Yes คืนนี้ ตูได้ค่าเหล้าชุดใหญ่แล้ว ในใจคิดแบบนั้น

เหตุการณ์ในวันนั้น คล้ายๆกับฤดูร้อนในวันนี้ กว่าผมจะฝ่าฟันรถติดแบบชนิดที่เรียกได้ว่า ถนนหรือลานจอดรถ ฝ่าดงแดดที่แผดเผ่า จนเหงื่อออกตั้งแต่ เส้นผมแตกปลายยันเล็บขบ ในที่สุดเราก็มาถึงห้างดังนั้นจนได้ ความรู้สึกเหมือน ตอนท้องเสียแล้วรถติดบนทางด่วนนั้น ก็ได้ผ่านพ้นมา

“ฮัลโหล สวัสดีครับ คุณลูกค้าที่เคารพ(ต้องเคารพซิ เงินค่าเหล้าล้วนๆ) ผมมาถึงแล้วครับ ไม่ทราบว่าจะเจอกันตรงไหนของห้างดีครับ อ๋อๆ ได้ครับ เจอกันตรงหน้าห้องน้ำชั้น 4 ด้านในสุดของห้างใช่ไหมครับ ครับ ผมกำลังเดินไป” ในใจคิดว่า ทำไมมันนัดตูหน้าห้องน้ำฟระ แถมชั้น 4 ด้านในสุด เปรี่ยวโคตร แต่ช่างมันเหอะ นี่อยู่ในห้างจะกลัวไปทำไม มีเงินค่าเหล้ารออยู่ข้างหน้าแล้วนิ

หลังจากที่ผมเดินไปจนถึงจุดนัดหมายมอบส่งสินค้าแล้วนั้น สิ่งที่สายตาผมเห็นอยู่ตรงหน้าคือ ชายร่างใหญ่วัยฉกรรจ์ อายุประมาณ 30 ปลาย ในกางเกงยีนส์ เสื้อยืดสีดำคอกลม มีลอยสักที่แขนด้านขวา ผมก็ได้ซะงักไปครู่นึง แต่ช่างมันจะกลัวอะไร หน้าห้องน้ำชั้น 4 จะติดกับประตูทางออกไปลานจอดรถ แล้วมี รปภ.ประจำประตูอยู่จะกลัวอะไร ไร้สาระ ผมจึงได้เดินเข้าไปหาชายฉกรรจ์ คนนั้น “สวัสดีครับ ใช่คนที่นัดกับผมไว้หรือเปล่าครับ ทันใดนั้นก็มีเสียงตอบกับมาแบบโทนเสียงต่ำๆเย็นยะเยือก ออกมาว่า ใช่ครับ....” ผมได้ขนลุกไปชั่วขณะ นี่ครับของที่คุณต้องการ ผมยืนของให้เค้า ชายฉกรรจ์คนนั้นได้รับของจากผมโดยไม่เช็คสินค้าเลย แต่กลับบอกว่าขอบคุณมากแล้วก็ยืนเงินให้ บวกกับการที่เค้าเดินหันหลังและจากไปอย่างช้าๆ ผมก็ได้แต่ยืนอึ้งไปแป๊ปนึง เออแปลกดีเนอะ ง่ายดี เร็วดี แต่ช่างมันเหอะ ได้ค่าเหล้าแล้ว ว่าแต่ตอนนี้กี่โมงแล้วล่ะ กรรม จะ 5 โมงเย็นแล้ว ความรู้สึกหลังพอได้ทราบว่า เพลานี้กี่โมง มันก็ทำให้ท้องร้องขึ้นมาทันที เอาล่ะ ลงไป food court หาอะไรกินดีกว่า เพราะเดียวคืนนี้ต้องจัดหนักกินเหล้าอีก ท้องจะว่างไม่ได้

หลังจากที่ได้ลงมาจนถึง food court กลิ่นก่วยเตี๋ยว อันหอมเครื่องเทศ ก็ได้มาเตะเข้าเต็มๆที่ จมูกของผม แล้วอย่างนี้ใครมันจะไปอดใจไหว ผมเลยจัดหนักมาเลย เส้นชิ้นสด น้ำตกพิเศษ ชามนึงครับ พอหลังจากที่ได้ ก่วยเตี๋ยวที่กลิ่นหอมมาเรียบร้อยแล้ว ผมก็ได้จัดการปรุงรสชาติในสไตล์ของผม คือ เปรี้ยว เค้ม เผ็ด (ผมไม่กินหวาน) พอได้ที่นั่ง จัดแจงว่างก่วยเตี๋ยวลง นั้นไง เผ็ดขนาดนี้ ผมยังไม่ได้ซื้อน้ำเลยนิ งั้นไปซื้อน้ำก่อนดีกว่า งานจะได้ไม่งอก พอซื้อน้ำมาเสร็จ กลับมาที่โต๊ะ ทุกอย่างตอนนี้พร้อมหมดแล้ว ได้เวลาจัดการก่วยเตี๋ยวชามให้ซะที (หิวมากมาย)

คำแรกที่ผมได้รับประทานก่วยเตี๋ยวที่มันกลิ่นหอมจนมาเตะจมูกผมนั้น อะไรเนี้ย นี้มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมรสชาติของมันถึงได้ จืดสนิท ไอ้เราก็ปรุงรสมาจัดพอสมควรแล้วนิ เหมือนดังการกินของที่ไหว้เจ้าเลย รู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรง แต่ในใจก็คิดว่าช่างมันเหอะ กินกันตายก็ได้ฟระ ระหว่างที่ผมกำลังรับประทานก่วยเตี๋ยวอยู่นั้น หางตาด้านขวาของผมก็เหลือบไปเห็น ชายฉกรรจ์คนนั้น ยืนจองมองผม ด้วยสายตาที่เย็นชาจนทำให้ผมขนลุกขึ้นมาอีกครั้ง ในใจผิดความว่าเอาไงเอากันฟระ จะลูกผีลูกคน ก็ต้องทำให้รู้กันไปเลยตอนนี้แล้ว (ที่กล้าเพราะfood court คนมันเยอะ)ผมเลยตัดสินใจหันไปถามชายฉกรรจ์คนนั้นว่า พี่มีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ ชายฉกรรจ์คนนั้นได้จองมองทำตาขวางมาใส่ผม แล้วพูดพร้อมกับชี้นิ้วที่มือขวา ไปที่โต๊ะข้างๆว่า “นี่ก่วยเตี๋ยวของผม…. ของคุณอยู่ที่โต๊ะนั้น..” เงิบ……… จบบริบูรณ์

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “มีคนมากมายเหลือเกิน ใช้เงินที่เขาไม่มี ไปซื้อสิ่งของที่เข้าไม่ได้ต้องการ เพื่อเอาไปอวดคนที่เขาไม่ได้ชอบ”
‪#‎Mrซาตาน‬

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม