ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก
"ศิลานักปราชญ์"
ศิลานักปราชญ์ นี้มีหลากหลายชื่อตามสถานที่ต่างๆ เช่น ศิลาแดงเอเจอร์ , Sacred Stones แม้จะเรียกว่าศิลาก็จริงแต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นสสารที่สามารถคงอยู่ได้ในทั้ง 3 สถานะ เพียงแต่เมื่อสร้างสำเร็จใหม่ๆมันจะอยู่ในรูปของแข็ง จึงเรียกว่าศิลานักปราชญ์
ซึ่งหินนักปราชญ์ถือเป็นสุดยอดของวิชาเล่นแร่แปรธาตุทางฝั่งยุโรป คุณสมบัติของมันมีอยู่ 2 อย่างด้วยกันครับ อย่างแรกคือเปลี่ยนโลหะที่เรียกว่าโลหะพื้นฐาน ให้เป็นทองได้ (โดยมากมักเป็นตะกั่ว) อีกอย่างก็คือการสังเคราะห์ "น้ำอมฤต" (หรือ Aqua Vitae เป็นภาษาละติน แปลว่าน้ำแห่งชีวิต)
ซึ่งมีความสามารถมอบชีวิต ทำให้สิ่งไม่มีชีวิตมีชีวิตและทำให้สิ่งมีชีวิตเปป็นอมตะ ตำนานน้ำอมฤตนี้มีอยู่ทั่วโลกครับ ยกตัวอย่างเบาะๆ ก็จักรพรรดิจีนหลายพระองค์เคยสั่งทหารออกตามหาน้ำอมฤตมาแล้ว แม้แต่สุนทรภู่ของไทยเองก็เคยฝักใฝ่ในวิชาเล่นแร่และออกตามหาน้ำอมฤตเช่นกัน ส่วนทางฝั่งอินเดียก็มี "น้ำโสมทิพย์" ที่เชื่อกันว่าเป็นที่มาของชีวิตอมตะของเหล่าเทวดาในปุราณะ ที่จริงยังมีอีกเยอะครับ แต่คิดว่าเล่าแค่นี้ก็พอก่อนแล้วกัน
ด้วยเหตุนี้เองเจ้าหินนักปราชญ์นี่จึงเป็นที่ต้องการของใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยากรวย หรือบรรดาพวกที่ปรารถนาชีวิตนิรันดร์ทั้งหลายต่างก็ออกตามหา และยังเป็นความฝันสูงสุดของเหล่านักเล่นแร่อีกต่างหาก
ทีนี้เรามาดูกันว่าแล้วเจ้าหินประหลาดนี่มันถือกำเนิดขึ้นมาได้อย่างไร นักเล่นแร่ในอดีตเชื่อว่า "ปรอท" และ "กำมะถัน" เป็นตัวแทนของเพศหญิงและชาย และยังเป็นธาตุที่เป็นตัวแทนของ "ดวงอาทิตย์" และ "ดวงจันทร์" อีกด้วย และหินนักปราชญ์ก็คือเครื่องหมายของการรวมเป็นหนึ่งของสัญลักษณ์ทั้งสองนั่นเอง
วิธีการก็คือเขาจะเอาปรอทที่เตรียมไว้ ซึ่งเรียกว่า "ปรอทสำเร็จ" มาใช้แยกเอาแก่นกำมะถันออก แก่นกำมะถันที่ได้นี้จะมีสีเหลืองเข้มจนถึงแดง เรียกว่า "หินนักปราชญ์" หลังจากที่ได้หินนักปราชญ์มาแล้วเขาก็จะใช้ปรอทสำเร็จมาแยกเอาแก่นตะกั่วออกบ้าง สารที่ได้นี้เรียกว่า "ธาตุที่หนึ่ง"
เมื่อนำธาตุที่หนึ่งนี้มาหลอมรวมกับหินนักปราชญ์ในอุณหภูมิสูง จะได้ทองคำสุกปลั่งออกมา ซึ่งในขั้นตอนการทำหินนักปราชญ์นี้หากตัวช่วยละลายที่ใช้ทำมีจิตไม่ดีพอ (ใช้มนุษย์เป็นตัวช่วยละลายในการหลอมหิน) หินนักปราชญ์ที่ได้จะมีสีอ่อน หรือซีดจางผิดปกติ ธาตุที่ออกมาแทนที่จะเป็นทองก็อาจได้ เงินหรือเกลือแทน ยิ่งไปกว่านั้นหากเกิดเหตุผิดพลาด ขณะที่หลอมหินนักปราชญ์อยู่อาจจะเกิดการระเบิดขึ้นก็เป็นได้
ที่มา http://www.dek-d.com/board/view/1313926/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น