แอนน์ โบลีนน์ ราชินีไร้หัว


ถือว่าเป็นราชินีที่สุดอาภัพพระนางหนึ่งของอังกฤษ เนื่องจากพระนางต้องระทมทุกข์แสนสาหัสเพราะพระสวามีได้หมดรักก่อนจะผละไปหาสตรีคนใหม่อย่างไม่สนใจใยดี เท่านั้นยังไม่พอ พระนางยังถูกคำสั่งประหารชีวิตอย่างทารุณในเวลาต่อมาด้วย บางทีสิ่งนี้ทำให้วิญญาณที่หาความสงบไม่ได้ของพระนางจึงจำเป็นต้องออกมาให้ผู้คนได้พบเห็นจนเกิดอาการขนลุกขนพองกันไปทั่วตราบเท่าทุกวันนี้

เรื่องราวของราชินีแอนน์ โบลีนน์นั้นเป็นเรื่องที่โด่งดังไปทั่วโลก และมีเรื่องราวโจษขานกันนับตั้งแต่ศตวรรษที่16เป็นต้นมา นั่นก็คือ...นับตั้งแต่วันที่พระนางถูกคำสั่งประหารด้วยกิโยตินเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ.1536 วิญญาณของพระนางก็ไม่เคยได้รับความสงบ รวมไปถึงการมาปราก

ก่อนหน้าที่จะพบจุดจบอย่างทารุณนั้น พระนางผู้ซึ่งเป็นพระธิดาของเอิร์ลแห่งวิลล์ไชร์ ได้มีโอกาสพบรักกับพระเจ้าเฮนรี่ที่8ซึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่มีความเจ้าชู้เป็นอย่างมาก และทั้งๆที่พระเจ้าเฮนรี่ที่8ได้ครองคู่อยู่กินกับพระราชินีแคทรีนแห่งอารากอนอยู่แล้วก็ตาม แต่ก็อดปลีกเวลามาพลอดรักฝากใจกับแอนน์ โบลีนน์ไม่ได้

ในที่สุดเมื่อความรักสุกงอม และเป็นความรักชนิดที่รอไม่ได้อีกต่อไป พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ก็หาหนทางหย่าขาดจากพระมหเสีแคทรีนแห่งอารากอนจนได้ทั้งๆที่ทรงถูกคัดค้านจากบรรดาเหล่าเสนาบดีอย่างหนัก แต่ในสุดแอนน์ โบลีนน์ก็ได้ขึ้นแท่นเป็นพระราชินีของประเทศอังกฤษจนได้ในเวลาต่อมา

แต่แล้วพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ผู้มีความรักเหลือเฟือและรักใครต่อใครได้ง่ายดายเหลือเกินก็ตัดรักกับพระราชินีแอนน์ โบลีนน์ จนได้หลังจากที่ครองรักกันอย่างหวานชื่นมาเป็นเวลา 1000 วันหรือราว 3 ปีกว่าๆโดยที่พระองค์พบรักครั้งใหม่กับเจน ซีมอร์ และเหตุผลที่พระองค์หาทางตัดรักหรือเลิกรักกับแอนน์ โบลีนน์ ก็คือหาว่าเธอคบชู้สู่ชาย และนั่นเป็นเหตุที่ไม่เพียงให้รักต้องสะดุดลงเท่านั้น แต่ยังเป็นเหตุให้แอนน์ โบลีนน์ ถูกคำสั่งให้นำตัวไปประหารชีวิตอีกด้วย

ระหว่างที่รอการประหารอยู่นั้น อดีตพระราชินิแอนน์ โบลีนน์ ก็ถูกนำตัวไปคุมขังไว้ที่Tower of London หรือทีถูกขนานนามว่าหอคอยเลือดเอาไว้ก่อน เวลาเดียวกันกับพระเจ้าเฮนรี่ที่8ก็นำเข้าเพชฌฆาตจากฝรั่งเศส รวมถึงใบมีดกิโยตินจากฝรั่งเศสด้วยพร้อมๆกัน

ในที่สุดพระนางแอนน์ โบลีนน์ ก็ถูกกิโยตินบั่นพระเศียรจนหลุดจากบ่า แต่นั่นไม่ใช่ฉากสุดท้ายของราชินีผู้อาภัพพระองค์นี้ เพราะดูเหมือนว่าวิญญาณที่ไม่เคยพบความสงบของพระนางกำลังเริ่มต้นฉากแห่งการหลอกหลอนผู้คนที่Tower of London รวมไปถึงยังได้หวนกลับไปยังถิ่นเก่าของพระนาในสภาพของวิญญาณด้วยในภายหลัง

นับได้ว่าแอนน์ โบลีนน์ นั้นเป็นวิญญาณหรือผีราชินีที่มีความเฮี้ยนเป็นอันมาก เพราะพระนางไม่เคยปล่อยให้ใครต่อใครในหอคอยแห่งลอนดอนหรือหอคอยเลือดแห่งนี้หายใจทั่วท้องเลย หากต้องเดินผ่านมาที่หอคอยแห่งนี้ในยามค่ำคืนหรือแม้แต่ในช่วงเวลากลางวันก็ตามที

บ่อยครั้งที่พระนางจะปรากฏให้ผู้คนได้เห็นพระนางในสภาพผีหัวขาดกันชนิดตาต่อตา ใครที่ใจไม่แข็งพอก็มักจะเป็นลมล้มกันกันในทันที หรือบางครั้งแม้แต่ทหารยามรักษาการณ์ที่หอคอยแห่งนั้นก็เคยได้พบเห็นร่างไร้หัวของพระนางจนเกิดอาการตะลึงถึงขั้นทำอะไรไม่ถูกก็มี

ช่วงเวลาราวตี2ของทุกคืนนั้นถือว่าเป็นช่วงเวลาน่ากลัวที่สุดของทหารยามรักษาการณ์ เพราะเวลานั้นคือเวลาที่ตรงกับเวลาของการประหารชีวิตบุคคลต่างๆในราชวงศ์ รวมทั้งกรณีของพระนางแอนน์ โบลีนน์ด้วย ดังนั้นเวลาดังกล่าวจึงเป็นช่วงที่ทหารยามจำนวนไม่น้อยได้พบเห็นร่างของพระนางอย่างชัดเจน

คราวหนึ่งทหารยามนายหนึ่งถึงกับตะลึงเมื่อเห็นหมอกควันสีขาวรวมตัวกันเป็นรูปของสตรีโบราณสวมหมวกโบราณต่อหน้าต่อตา ร่างนั้นมีอาการจางๆหายๆอยู่3ครั้งก่อนที่จะมีสภาพเป็นหญิงโบราณเดินตรงรี่เข้ามาหาเขา เขาจึงตัดสินใจใช้ดาบปลายปืนแทงร่างนั้นเต็มแรง ก่อนที่จะยิงปืนเข้าใส่ร่างนั้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในปีค.ศ.1864 และเป็นเหตุที่ทำให้ทหารยามรายนั้นถูกนำตัวไปสอบสวนอย่างหนักก่อนที่จะนำตัวส่งขึ้นศาลพิพากษา และมีการปล่อยตัวในที่สุดโดยที่ไม่มีความผิด เพราะเชื่อกันว่าสิ่งที่เล่นงานทหารยามคนนั้นเป็นวิญญาณของพระนางแอนน์ โบลีนน์ จริงๆ

วิญญาณที่ไร้ความสงบของแอนน์ โบลีนน์ ไม่ได้จำกัดรูปแบบหรือฉากแห่งการปรากฎกายแบบภูตผีของพระนางให้เห็นกันแต่ในรั้วในวังหรือในหอคอยเลือดแห่งนี้เท่านั้น

แต่เป็นที่รู้กันท่ามกลางความหวาดกลัวว่าร่างไร้ศีรษะของพระนางนี้ มักจะเดินทางโดยรถม้าผีสิงไปยังบ้านอันอบอุ่นสมัยที่พระนางยังอยู่ในวัยเยาว์ ณ ถิ่นบลิกกิ้งฮอลล์ในนอร์ฟอล์ก (Bikling Hall,Norfolk) ในวันที่ถึงกำหนดครบรอบการประหารชีวิตของพระนางทุกปีไป

นับได้ว่าวิญญาณของอดีตราชินีแสนเศร้า แอนน์ โบลีนน์ นั้นมีทั้งความน่าสงสาร หดหู่ และน่าหวาดกลัวจนขนหัวลุกอีกพระองค์หนึ่ง.....

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม